วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เชียงใหม่ one day trip

3 ที่เที่ยวเชียงใหม่ ที่เที่ยวได้ในวันเดียว
  ‘อำเภอเชียงดาว’ อ.ทางภาคเหนือของเชียงใหม่ แหล่งต้นกำเนิดแม่น้ำสายสำคัญของไทยอย่างแม่น้ำปิง อุดมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวโดนใจ ที่ถึงแม้จะไม่ได้ฮิตเหมือนอำเภออื่นๆ แต่ความสวยเลิศอลังก็ไม่แพ้นะคะ ทั้งเทือกเขาดอยหลวงเชียงดาว ที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า รับลมหนาวชนิดถึงขั้วหัวใจ หรือจะเป็นถ้ำเชียงดาว ถ้ำอุโมงค์ลึกยาวน่าค้นหา และที่เที่ยวอีกมากมายให้เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น

บ่อน้ำร้อนโป่งอาง ตั้งอยู่ที่บ้านโล๊ะป่าหาญ ในเขตอุทยานแห่งชาติผาแดง เป็นบ่อน้ำร้อนที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินตามธรรมชาติ มีจำนวน 2 บ่อ มีความกว้างประมาณ 4-5 เมตร มีกลิ่นกำมะถันอ่อน ๆ บ่อน้ำร้อนบ่อแรกมีอุณหภูมิความร้อนอยู่ที่ 58 องศาเซลเซียส บ่อน้ำร้อนที่ 2 มีอุณหภูมิความร้อนอยู่ที่ 51 องซาเซลเซียส จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน คำว่า "โป่ง" หมายความว่า เป็นแหล่งแร่ธาตุทำให้สัตว์ป่าต่าง ๆ เข้ามากินในบริเวณนี้เป็นจำนวนมากเป็นประจำ ส่วนคำว่า "อาง" ภาษาไทยใหญ่ หมายถึงคำว่า "ยันต์" เนื่องจากเคยมีผู้พบเห็นกวางทอง ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นกวางศักดิ์สิทธิ์ที่เข้ามาปรากฏตัว จึงได้มีการล่ากวางทองเกิดขึ้น แต่ไม่มีใครสามารถจับกวางทองได้ จึงได้ทำการสลักคาถา (ลงยันต์) ซึ่งเป็นยันต์ราศรี คือการสลักยันต์เพื่อปล่อยวางโดยจะไม่ทำการล่ากวางทองตัวนี้อีกต่อไป ยันต์มีสภาพเป็นตัวอักขระโบราณ และรูปสัตว์ต่าง เป็นตัวอักขระสีน้ำตาลแดง ชาวบ้านจึงเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า "โปงอาง" นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

น้ำตกศรีสังวาลย์ น้ำตกหินปูนสวย หนึ่งเดียวในเชียงดาว
นอกจากดอยหลวงเชียงดาวแล้ว ภายในอำเภอเชียงดาวยังมีอุทยานแห่งชาติผาแดง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติให้สัมผัสกันอีกแห่ง โดยภายในอุทยานแห่งชาติผาแดง มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้เลือกชมกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์อันงดงามยามเช้าบนดอยค้ำฟ้า ถ้ำผาแดง บ่อน้ำร้อนโป่งอ่าง และน้ำตกศรีสังวาลย์ น้ำตกหินปูนสุดสวยหนึ่งเดียวในเชียงดาวแห่งนี้
น้ำตกศรีสังวาลย์ ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติผาแดง เพียง 150 เมตร เป็นน้ำตกหินปูนเป็นชั้นๆ ประมาณ 4 ชั้น แต่ละชั้นมีชื่อตั้งอย่างไพเราะ ได้แก่ ชั้นที่ 1 คะนึงหา ชั้นที่ 2 ช่องธารา ชั้นที่ 3 งามนที และชั้นที่ 4 ศรีสังวาลย์ ทุกชั้นสามารถเดินเที่ยวชมได้อย่างสะดวกไม่ลื่อนเพราะเป็นหินปูนจึงไม่มีตะไคร่จับตัว สำหรับชื่อของน้ำตกมาจากการเสด็จพระราชดำเนินของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เมื่อปี พ.ศ. 2410 โดยทรงมาเสวยพระกายาหารกลางวันที่น้ำตกจากนั้นจึงพระราชทานนามให้น้ำตกแห่งนี้ว่า น้ำตกศรีสังวาลย์

ที่มา






เที่ยวสุโขทัย

4 ที่เที่ยวยอดนิยมเมืองสุโขทัย

สุโขทัย จังหวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ครั้งอดีตจวบจนปัจจุบัน ณ เมืองเก่าแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายซ่อนตัวอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ที่มีอยู่ทั่วไป มาเยือนเมืองกรุงเก่าทั้งที ที่เที่ยวที่น่าสนใจมีที่ไหนบ้าง ไปชมกัน

1. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย 

ข้อมูล :  อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ มีพื้นที่ครอบคลุมบริเวณโบราณสถานกรุงสุโขทัย ศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรสุโขทัยซึ่งมีอำนาจอยู่บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ของประเทศไทยในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-19 ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า นั้นนเอง

2. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สวรรควรนายก สุโขทัย

ข้อมูล :  พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สวรรควรนายก เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในส่วนภูมิภาค ที่กรมศิลปากรจัดตั้งขึ้นอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดสุโขทัย ที่นี่เป็นศูนย์ศึกษาเครื่องถ้วยสุโขทัย หรือเครื่องถ้วยสังคโลกอย่างแท้จริง โดยรวบรวมลวดลายต่างๆ ที่ปรากฏบนเครื่องถ้วยสุโขทัย และนำตัวอย่างเครื่องถ้วยสุโขทัยชิ้นสำคัญที่ยังเหลืออยู่จัดแสดง จัดแสดงภายในอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สวรรควรนายก แบ่งการนำเสนอออกเป็น 2 เรื่อง คือ พัฒนาการเครื่องถ้วยสุโขทัย และ พุทธประติมากรรมในศิลปะสมัยต่างๆ โดยจัดแสดงแนวเรื่องทั้งสองผ่านศิลปวัตถุที่นำเสนอในชั้นล่างและชั้นสองของอาคาร โดย ชั้นล่าง จัดแสดงเรื่องพัฒนาการของเครื่องถ้วยสุโขทัย และชั้นสอง จัดแสดงเรื่องพุทธประติมากรรมในศิลปะต่างๆ โดยเน้นศิลปะสุโขทัยเป็นสำคัญ

3. วัดชนะสงคราม  สุโขทัย

ข้อมูล : วัดชนะสงคราม หรือ วัดราชบูรณะ ตั้งอยู่ภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ระหว่างวัดมหาธาตุ และวัดสระศรี ประวัติการสร้างไม่ชัดเจน เป็นวัดขนาดกลาง ภายในประกอบด้วย เจดีย์ประธานทรงระฆังขนาดใหญ่ที่เป็นจุดเด่นของวัด ขนาบข้างด้วยเจดีย์รายทรงวิมานทั้งสององค์ ซึ่งเป็นทรงเจดีย์ที่มักจะพบได้ที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ส่วนที่สุโขทัยนั้นยังมีปรากฏอยู่ที่วัดตระพังเงินและวัดเจดีย์เจ็ดแถว ที่บริเวณด้านหน้าเจดีย์ประธานเป็นที่ตั้งของพระวิหาร ปรากฏเฉพาะส่วนฐานและเสาก่อที่ด้วยศิลาแลง ด้านหลังเจดีย์ประนั้นเป็นที่ตั้งของพระอุโบสถ รอบพระอุโบสถมีใบเสมา ปักอยู่บางส่วน

4. วัดศรีชุม  สุโขทัย

ข้อมูล :  วัดศรีชุม หรือ วัดปอยดำ เป็นโบราณสถานในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ตัววัดเป็นโบราณสถานตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ นอกกำแพงเมืองวัดนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ซึ่งมีนามว่า "พระอจนะ" องค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในมณฑป พระพุทธอจนะ เป็นที่เลื่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์และมีมนต์เสน่ห์และเอกลักษณ์ชวนให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมและสักการะอย่างไม่ขาดสาย  

ที่มา





อาหารไทยใครๆก็ชอบ

เมนูอาหารไทยสี่ภาค
เป็นวัฒนธรรมไทยเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก ทั้งในเรื่องความสวยงาม วิจิตรพิสดาร ความอ่อนช้อย แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของไทย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความละเอียด พิถีพิถัน ประณีต ยากที่จะหาชาติอื่นเทียบเทียม
อาหารไทยก็เช่นเดียวกัน เพราะนอกจากรสชาติที่หลากหลายถูกปากคนชาติต่างๆแล้ว ยังมีคุณค่าทางโภชนาการ และจุดเด่นในการเป็นยารักษาโรคด้วย
วัฒนธรรมกินอาหารพื้นเมืองของไทยนั้น ทำให้คนไทยมีสุขภาพที่แข็งแรงและปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
อาหารพื้นเมืองของคนไทยสามารถแบ่งได้ตามภาคเป็น 4 ภาคใหญ่ๆคือ อาหารประจำภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ซึ่งอาหารแต่ละภาคนั้นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีของคนในแต่ละท้องถิ่น ตามอาชีพและแหล่งอาหารที่มีอยู่ในท้องถิ่น รวมทั้งอิทธิพลที่อาจได้รับมาจากประเทศใกล้เคียง ทำให้อาหารในท้องถิ่นนั้นมีความแปลกไปจากอาหารไทยที่พบอยู่ทั่วไป

ภาคกลาง
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน ข้าวปลาอาหารจึงอุดมสมบูรณ์เกือบตลอดทั้งปี รวมทั้งมีพืชผัก ผลไม้นานาชนิด
ด้วยเหตุนี้อาหารภาคกลางจึงเป็นอาหารที่มีความหลากหลาย ทำให้รสชาติของอาหารภาคกลางไม่เน้นไปทางรสใดรสหนึ่งโดยเฉพาะ คือมีทั้งรสเค็ม เผ็ด เปรี้ยว และหวานคลุกเคล้าไปตามชนิดต่างๆของอาหาร นอกจากนี้มักมีการใช้เครื่องปรุงแต่งกลิ่นรส เช่น เครื่องเทศ และมักใช้กะทิเป็นส่วนประกอบของอาหาร
อาหารภาคกลางเป็นอาหารที่มักจะมีเครื่องเคียงของแนมร่วมรับประทานด้วย เช่น น้ำพริกลงเรือ แนมด้วยหมูหวาน น้ำปลาหวานทานกับสะเดา เป็นต้น
จุดเด่นคือ อาหารภาคกลางมักจะมีการประดิษฐ์ สร้างสรรค์อย่างวิจิตรบรรจง ผัก และผลไม้มีการแกะสลักอย่างสวยงาม แสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยที่มีศิลปะและวัฒนธรรมที่งดงาม 


ภาคใต้
พื้นที่ติดชายฝั่งทะเล ลักษณะภูมิประเทศเป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล ประชากรส่วนใหญ่จึงนิยมทำประมง
ด้วยเหตุนี้อาหารหลักของภาคใต้จึงเป็นอาหารทะเลสด และนิยมใช้เครื่องเทศในการปรุงอาหาร รสชาติจะเผ็ดร้อน เค็มและเปรี้ยว เช่น แกงไตปลา แกงส้ม และแกงเหลือง เป็นต้น
อาหารภาคใต้นิยมทานควบคู่กับผักเพื่อช่วยลดความเผ็ดร้อนลง ซึ่งเรียกว่า ผักเหนาะ เช่น มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว ถั่วพู สะตอเป็นต้น


ภาคเหนือ
เป็นดินแดนที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาแต่อดีต มีขนบธรรมเนียม ประเพณีที่แตกต่างไปจากภาคอื่นๆ
การรับประทานอาหารของทางภาคเหนือจะใช้โก๊ะข้าว หรือที่เรียกว่า ขันโตก แทน โต๊ะอาหาร โดยจะนั่งล้อมวงเพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน
คนภาคเหนือจะรับประทานข้าวเหนียวเป็นอาหารหลัก โดยอาหารของทางภาคเหนือจะเป็นอาหารที่สุกมากๆ และเป็นอาหารประเภทที่ผัดกับน้ำมันเป็นส่วนใหญ่ 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เป็นดินแดนที่ค่อนข้างแห้งแล้ง ทำให้อาหารพื้นเมืองจึงเป็นอาหารพวกแมลงหลายชนิด ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนที่หล่อเลี้ยงชีวิตประชากรในภาคนี้
อาหารอีสานส่วนใหญ่จะมีข้าวเหนียวเป็นอาหารหลัก ส่วนพืชผัก และเนื้อสัตว์ที่นำมาใช้ประกอบอาหารได้มาจากภายในท้องถิ่นเป็นส่วนใหญ่
อาหารอีสานมักใช้ปลาร้าเป็นเครื่องปรุงรสในอาหารเกือบทุกชนิด แต่ไม่นิยมใส่ในอาหารประเภทผัด และมักรับประทานคู่กับผักสด 

ที่มา




วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2560

งูแมวเซา 

ลักษณะ:เป็นงูที่มีรูปร่างอ้วนป้อม ลำตัวสั้น หางสั้น เวลาตกใจหรือถูกรบกวนมักขดตัวเตรียมสู้และระวังตัว พร้อมทั้งทำเสียงขู่คล้ายแมวหรือเสียงของยางรถยนต์รั่ว โดยการสูบลมเข้าไปในตัวจนตัวพอง แล้วพ่นลมออกมาทางรูจมูกแรง ๆ แทนที่จะเลื้อยหนี เป็นงูที่ฉกกัดได้รวดเร็วแทบไม่ทันตั้งตัวทั้ง ๆ ที่ขดตัวอยู่ในลักษณะปกติ ลำตัวมีสีน้ำตาลอ่อนอมเทา มีเกล็ดสีชมพูแซมบริเวณสีข้าง มีลายลักษณะทรงกลมสีน้ำตาลเข้มตลอดทั้งตัว เกล็ดมีขนาดเล็กและมีสัน หัวเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมและมีลายดำคล้ายลูกธนู มีเกล็ดเล็กละเอียดบนหัว เขี้ยวพิษมีความยาว

มีพฤติกรรมชอบอยู่ตามที่ราบแห้ง ๆ เชิงเขาที่เป็นดินปนทราย ตามที่ดอน หรือซ่อนตัวในซอกหิน โพรงดิน ใต้กอหญ้าใหญ่ ๆ ไม่ชอบย้ายที่อยู่บ่อย ๆ ปกติไม่เลื้อยขึ้นต้นไม้ ออกหากินไม่ไกลจากที่อยู่ เป็นงูที่มีความเชื่องช้าไม่ปราดเปรียว มีอุปนิสัยดุ เมื่อถูกรบกวนจะส่งเสียงขู่ ชอบความเย็น แต่ไม่ชอบน้ำ มักออกหากินในเวลากลางคืน แต่ในสถานที่ที่มีความเย็น ก็อาจออกหากินในเวลากลางวันด้วย สำหรับในประเทศไทย พบได้ชุกชุมที่สุดคือแถบจังหวัดในภาคกลางและภาคตะวันออก

ภาพและข้อมูลโดย

ประวัติของไข่ไก่


ในอดีตการเลี้ยงไก่ไข่ในประเทศไทย มีการเลี้ยงตามบ้านเล็กๆ น้อยๆ เพื่อกินเนื้อกินไข่ คือ การเลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติให้ไก่อาศัยตามใต้ถุนบ้าน ชายคา โรงนา และต้นไม้ พันธุ์ไก่ที่เลี้ยงจะเป็นไก่พันธุ์พื้นเมือง เช่น ไก่แจ้ ไก่อู และไก่ตะเภา เป็นต้น

          ในปี พ.ศ.2567 หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤษดากร ได้นำไก่พันธุ์เล็กฮอร์นมาเลี้ยงแบบทันสมัย เพื่อการค้าเป็นครั้งแรก แต่การเลี้ยงไก่ไม่พัฒนาเท่าที่ควร เนื่องจากในสมัยนั้นไม่มีวัคซีนและยาเพื่อป้องกันและรักษาโรคไก่

          ในปี พ.ศ.2484 หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ กรมปศุสัตว์ ได้ร่วมมือกันทดลองเลี้ยงไก่พันธุ์ต่างๆ ที่แผนกสัตว์เล็ก บางเขน แต่พอมีไก่เต็มโรงเรือนและมีการแข่งขันไก่ไข่ดกเป็นทางการขึ้นเป็นครั้งแรก ก็เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาขึ้น ทำให้การเลี้ยงไก่ไข่และไก่ไข่ดกต้องหยุดชะงักไประยะหนึ่ง

           ต่อมาในปี พ.ศ.2492 ได้สั่งไก่พันธุ์โร๊ดไอส์แลนด์แดง จากประเทศสหรัฐอเมริกาและพันธุ์ออสตราล็อปจากประเทศออสเตรเลีย เข้ามาทดลองเลี้ยงและส่งเสริมให้ประชาชนเลี้ยงเป็นอาชีพ รวมทั้งได้สั่งไก่พันธุ์อื่นๆ เข้ามาเลี้ยง เช่น พันธุ์บาร์พลีมัทร็อค พันธุ์นิวแฮมเชียร์ เป็นต้น และในปี พ.ศ.2489 นี้เองเป็นปีที่มีการตื่นตัวในการเลี้ยงไก่อย่างมาก เนื่องจากจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นและ จอมพลผิน ชุณหวัณ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและประธานกรรมการการส่งเสริมปศุสัตว์แห่งชาติ ให้การสนับสนุนและส่งเสริมการเลี้ยงไก่เป็นอย่างมาก 

          ต่อมาในราวปี พ.ศ.2494-2495 ได้มีการเลี้ยงไก่ลูกผสม เพื่อให้ได้ไข่ดกและทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศของเมืองไทย เชน พันธุ์ออสตราไวท์โร๊ดบาร์ เป็นต้น นอกจากนี้องค์การอาหารและเกษตรขององค์การสหประชาชาติยังได้ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงไก่และโรคไก่เข้ามาช่วยเหลือและส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงไก่ไข่
ในประเทศไทย อีกทั้งกรมปศุสัตว์ได้ทำการศึกษา ทดลอง และผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ในการเลี้ยงไก่ไข่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การเลี้ยงไก่ไข่เริ่มเป็นที่ยอมรับของประชาชนมากขึ้น กลายเป็นอาชีพที่สำคัญของคนไทยในปัจจุบัน
ที่มาข้อมูลและรูปภาพ

ไอศกรีม

ไอศกรีม

เป็นของหวานแช่แข็งชนิดหนึ่ง ได้จากการผสมส่วนผสม นำไปผ่านการฆ่าเชื้อ แล้วนั้นนำไปปั่นในที่เย็นจัด เพื่อเติมอากาศเข้าไปพร้อม ๆ กับการลดอุณหภูมิ โดยอาศัยเครื่องปั่นไอศกรีม ไอศกรีมตักโดยทั่วไปจะต้องผ่านขั้นตอนการแช่เยือกแข็งอีกครั้งก่อนนำมาขายหรือรับประทาน

ต้นกำเนิดของไอศกรีม ไม่เป็นที่แน่ชัดมาเริ่มจากไหน บางข้อมูลก็ว่าเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเนโรแห่งจักรวรรดิโรมัน ที่ได้มีการพระราชทานเลี้ยงไอศกรีมทหาร โดยในสมัยนั้นทำจากเกล็ดน้ำแข็ง ผสมน้ำผึ้งและผลไม้ ซึ่งคล้ายกับไอศกรีมเชอร์เบตในปัจจุบัน แต่บ้างก็ว่ามาจากประเทศจีน เกิดจากเมื่อสมัยโบราณที่นมถือเป็นของหายาก จึงได้มีการคิดวิธีเก็บรักษาโดยการเอาไปฝังในหิมะ จึงเกิดเป็นไอศกรีมขึ้น 
แม้จะไม่ได้มีลักษณะเหมือนกับไอศกรีมอย่างทุกวันนี้
แต่บ้างก็ว่ามาจากอิตาลีโดยมาร์โค โปโล กลับจากจีนแล้วเอาสูตรไอศกรีมมาเผยแพร่
ซึ่งในตอนนั้นไอศกรีมของจีนยังไม่มีนม เป็นคล้ายน้ำแข็งไสมากกว่า
ยังมีจุดเริ่มต้นจากอังกฤษเมื่อสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 พ่อครัวคนหนึ่งมีสูตรเด็ดเป็นครีมแช่แข็งปรุงรส ซึ่งเป็นสูตรลับสุดยอดที่ส่งเป็นของหวานถวายพระองค์ ทว่าเมื่อพระองค์ถูกปลงพระชนม์โดยโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ ระหว่างสงครามกลางเมืองอังกฤษระหว่างปี ค.ศ. 1642-ค.ศ. 1651 พ่อครัวต้องลี้ภัยไปยุโรปจึงได้นำสูตรไอศกรีมนี้เผยแพร่ออกไป

นักประดิษฐ์พัดลมไฟฟ้าชอยเลอร์ วีลเลอร์ (Schuyler Wheeler) 

พัดลมไฟฟ้าที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน นอกจากจะช่วยคลายความร้อนจากอากาศที่ร้อนอบอ้าวแล้ว หลักการของพัดลมไฟฟ้ายังเป็นส่วนหนึ่งของระบบระบายความร้อน ที่ถูกใช้ในเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน จนถึงระบบระบายความร้อนในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
พัดลมไฟฟ้าเครื่องแรกของโลกเกิดขึ้นจากการประดิษฐ์ของ ชอยเลอร์ วีลเลอร์ วิศวกรชาวอเมริกัน ที่จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์จากวิทยาลัยโคลัมเบีย  โดยก่อนการประดิษฐ์พัดลมไฟฟ้า วีลเลอร์ ในวัย21ปี เริ่มต้นทำงานเป็นผู้ช่วยช่างไฟฟ้าที่บริษัท จาบลอชคอฟฟ์ และมีโอกาสร่วมงานเป็นวิศวกรกับ โทมัส เอดิสัน เพื่อวางระบบไฟฟ้าใต้ดิน ก่อนที่เขาจะออกมาร่วมงานกับบริษัท ซีแอนด์ซี มอเตอร์ไฟฟ้า ที่นี่ถือได้ว่าเขาเป็นผู้บุกเบิกการผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก และนำไปสู่การผลิตพัดลมไฟฟ้าโดยใช้ไฟฟ้ากระแสตรงและพัฒนารูปแบบมาใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ  ในปี พ.ศ.2431 วีลเลอร์ ร่วมกับฟรานซิส คร๊อคเกอร์ ก่อตั้งบริษัท คร๊อคเกอร์ แอนด์ วีลเลอร์ มอเตอร์ และขยายกิจการอุตสาหกรรมด้านอิเล็กทรอนิกส์ จนใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐอเมริกา
นอกเหนือจากความสำเร็จทางด้านธุรกิจมอเตอร์ไฟฟ้า วีลเลอร์ยังได้เป็นคณะกรรมการควบคุมระบบไฟฟ้าของเมืองนิวยอร์ค ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2431- พ.ศ. 2438 และแนวความคิดของเขาถูกนำมาใช้ในรูปแบบของ “จรรยาบรรณของวิศวกรไฟฟ้า” ในปี พ.ศ.2455 ด้วย ชอยเลอร์ วีลเลอร์  เสียชีวิตในปี พ.ศ.2466 ด้วยอายุ 63ปี

ที่มา